กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงเมื่อถึงคราวบ้านเมืองนั้นๆถึงคราวยากลำบาก ก็ยังเหลือคนดีมีความสามารถมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้
ขนมพอผสมกับน้ำยา
สํานวนสุภาษิตนี้ ใช้ในการเปรียบเทียบของทั้งสองสิ่งนั้นมีมูลค่า,ความดีความร้าย,ความสามารถ นั้นพอๆกัน ไม่ด้อยไปกว่ากัน
ที่มาของสํานวน มาจาก “ขนมจีนน้ำยา” คือ ขนมจีนกับน้ำยาจะต้องผสมให้ได้ส่วนพอเหมาะ จึงจะรับประทานอร่อย ต้องกะส่วนให้มีสัดส่วนเข้ากันพอดีทั้งสองฝ่าย เมื่อรับประทานแล้วเกิดอร่อยไม่ใช่ว่าขนมจีนอร่อย หรือน้ำยาอร่อย แต่ควรอร่อยด้วยกันทั้งสองอย่าง
ที่มาของสํานวน มาจากที่คนโบราณเอาลักษณะของแมวที่ไม่ดี คือกินแล้วถ่ายไม่เป็นที่ โดยขึ้นไปขี้บนหลังคาให้เป็นที่สกปรกเลอะเทอะเพราะคนสมัยก่อนต้องการให้หลังคาสะอาดเพื่อรองน้ำฝนไว้กิน จึงเอาแมวที่ทำไม่ดีนี้ มาเปรียบเทียบกับคนชั่วที่ไม่รู้จักบุญคุณคน


กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนที่เนรคุณคนเปรียบได้กับคนที่อาศัยพักพิงบ้านเขาอยู่แล้ว คิดทำมิดีมิชอบให้เกิดขึ้นภายในบ้านนั้น ทำให้เจ้าของบ้านที่ให้อาศัยต้องเดือดร้อน
เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายความไปในทางที่ว่าเกลียดตัวเขาแต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา หรือของๆเขา เช่น คนหนึ่งปากบ่นว่าไม่ชอบเขา แต่เมื่อเขาให้ของมาก็รับไว้
ที่มาของสํานวน บางคนเกลียดปลาไหลในรูปร่างของมัน แต่เมื่อเอามาแกง น้ำแกงมีรสหอมก็กินน้ำเเกง
ข้าวใหม่ปลามัน
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายความ ของใหม่ๆอะไรก็ดูดีไปหมด มักใช้เปรียบเทียบสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ความรักยังหวานชื่นอะไรก็หอมหวานไปซะหมด
ที่มาของสํานวน คนในสมัยโบราณถือว่า ข้าวที่เก็บเกี่ยวในครึ่งปีหลัง เป็นข้าวที่ดีกว่าข้าวเก่า และปลาเป็นอาหารคู่กับข้าว ส่วนปลามันคือปลาในน้ำลดมีมันมากรับประทานอร่อย ซึ่งช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวใหม่จะตรงกับช่วง ที่มีปลามันพอดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น